July 2, 2022

6 ปลั๊กอินเพิ่มความเร็ว WordPress ที่ดีที่สุดในปี 2022

คุณอาจจะเคยได้ยินมาว่า ปลั๊กอินเพิ่มความเร็ว ใน WordPress ของคุณจะทำให้การทำงานของเว็บไซต์เร็วขึ้น แล้วปลั๊กอิน Cache มันสามารถทำแบบนั้นได้จริง ๆ ไหม? แน่นอนว่ามันสามารถทำให้เร็วขึ้นได้เพื่อรองรับการทำ SEO

บทความนี้เราจะมาพูดถึงการทำ Caching บนเว็บไซต์ของคุณในแบบง่ายๆ

เราจะกล่าวถึงหัวข้อดังต่อไปนี้

  • ทำไมต้องเพิ่มความเร็วเว็บไซต์?
  • วิธีการเช็คความเร็วของเว็บไซต์
  • WordPress Cache Plugin ทำงานอย่างไร?
  • Cache Plugins ที่ดีที่สุด

ทำไมต้องเพิ่มความเร็วเว็บไซต์?

มีเว็บไซต์ที่เร็วไปทำไม? ก่อนอื่นเลยผู้ใช้งานจะกดออกจากเว็บไซต์ที่โหลดช้าไม่รอให้หน้าเว็บโหลดเสร็จ พวกเขาจะทำการหาเว็บไซต์ที่เร็วกว่าทันที จากข้อมูลอัตราส่วนของการเข้าชมเนื้อหาของเว็บไซต์ลดลงโดยเฉลี่ย 4.42% ต่อวินาที (ระหว่าง 0-5 วินาที)

นี้คือสถิติที่ควรรู้ไว้จากการเก็บข้อมูล ผู้ใช้งานเกือบ 70 % ให้ความเห็นเดียวกันว่าความเร็วของเว็บไซต์นั้นส่งผลโดยตรงต่อผู้ใช้งาน

นอกจากนี้ Google’s 2021 Page Experience Update ถ้าเว็บไซต์ที่มีหน้าเว็บไซต์ที่โหลดดไวก็สามารถทำให้การจัดอันดับหน้าเว็บไซต์ดีขึ้นไปด้วยเช่นกัน

ดังนั้นถ้าคุณต้องการให้เว็บของคุณติดอันดับที่ดีขึ้นการทำให้เว็บไซต์เร็วขึ้นก็เป็นสิ่งที่สำคัญ

วิธีการเช็คความเร็วของเว็บไซต์

แน่นอนว่าความเร็วของเว็บไซต์นั้นเป็นสิ่งสำคัญแน่ๆ แล้วเราจะมีวิธีการเช็คตวามเร็วหน้าเว็บไซต์ของเรายังไง?

มีเครื่องมือในการเช็คความเร็วของเว็บไซต์มากมาย แต่วิธีที่ง่ายที่สุดคือการใช้ MonsterInsights
MonsterInsights เป็นปลั๊กอินของ Google Analytics WordPress ที่ดีที่สุด มันสามารถช่วยวิเคราะห์การตั้งค่าได้โดยไม่ต้องทำการแก้ไขโค้ดเลย คุณสามารถเพิ่มปลั๊กอินเพื่อเพิ่มฟีเจอร์ในการ Tracking แบบขั้นสูงได้ เช่นการ Tracking eCommerce, การดาวน์โหลดไฟล์ และอื่นๆได้ง่ายๆ

MonsterInsights

มาเริ่มกันเลย!! ขั้นตอนแรกดาวน์โหลดและทำาการติดตั้งปลั๊กอิน MonsterInsights ซึ่งต้องซื้อแพ็คเก็จ Plus ขึ้นไปก่อน ขั้นตอนต่อไป ทำการเชื่อมต่อ Google Analytics กับ WordPress โดยการ Setup Wizard 

เมื่อทำการตั้งค่าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้ไปที่ Insights » Reports » Site Speed

MonsterInsights Speed
คุณจะได้เห็นคะแนนโดยรวมเวลาในการโหลดหน้าเว็บไซต์ว่าใช้เวลาในการโหลดกี่วินาที และวิธีการให้ดีขึ้นส่วนของนักพัฒนานั้นสามารถเลือกความเร็วในการโหลดบนมือถือหรือเดสก์ท๊อปก็ได้จากปุ่มด้านบนซ้ายมือ

หรือคุณจะใช้ PageSpeed Insights จาก Google ก็ได้เช่นกัน
การจะใช้เครื่องมือนี้นั้นง่ายๆ แค่เอา Url ของเว็บไซต์ไปวางบนเครื่องมือก็สามารถวิเคราะห์ความเร็วของเว็บไซต์ได้แล้ว
PageSpeed Insights

จากนั้น PageSpeed Insights จะคิดคะแนนโดยรวมให้ตั้งแต่ 1 ถึง 100 เพื่อประเมินความเร็วของหน้าเว็บไซต์ และจะแยกว่าส่วนไหนที่คุณต้องแก้ไข (ในส่วนนี้คุณสามารถแจ้งข้อมูลนี้ไปยังนักพัฒนาให้แก้ไขได้)

ดูให้ดีว่าได้เลือกการเช็คเป็น Destop แล้วเพราะค่าเริ่มต้นของ PageSpeed Insights จะตั้งมาเป็นมือถือก่อนนั้นเอง

PageSpeed Insights

WordPress Cache Plugin ทำงานอย่างไร?

คุณอาจจะเคยได้ยินว่า Cache Plugin นั้นเพิ่มความเร็วเว็บไซต์ได้ แต่รู้ไหมว่าการทำงานของมันทำงานยังไงบ้าง เราจะมาอธิบายให้คุณได้ทราบกันแบบง่ายๆ

เมื่อหน้าเว็บไซต์เริ่มโหลดจะมีส่วนต่างๆโหลดมากมาย ไม่ว่าจะเป็น รูปภาพ  รูปแบบการเขียนโค้ดที่จะเป็นจุดที่บ่งบองวิธีการทำงานของเว็บไซต์และเนื้อหาในหน้าเว็บไซต์และส่วนอื่นๆเล็กๆน้อยที่ต้องทำการโหลด

เวลาการโหลดนั้นขึ้นอยู่กับส่วนต่างๆว่ามีขนาดใหญ่มากขนาดไหน ถ้ามีขนาดที่ใหญ่เกินไปก็จะใช้เวลาในการโหลดเพิ่มมากขึ้นด้วย

ปลั๊กอิน Cache จะไปทำการปรับวิธีการโหลดของหน้าเว็บไซต์ให้อย่างเหมาะสมด้วยวิธีการต่างๆ แต่โดยวิธีการส่วนใหญ่จะทำการคัดลอกหน้าเว็บไซต์ครั้งแรกที่โหลดจากนั้นจะนำหน้าเว็บไซต์ที่คัดลอกไปแสดงให้ผู้ใช้ได้เข้าดู วิธีการนี้ทำให้ทั้งหน้าเว็บไซต์ไม่ต้องทำการดาวน์โหลดทุกครั้ง มันจะนำ Cache หน้าเว็บไซต์ด้วยวิธีการที่ดูดีในพื้นจัดเก็บ

ปลั๊กอินใน WordPress นั้นมีมากมายที่สามารถตั้งค่าแบบต่างๆที่จะทำให้เว็บไซต์ของคุณเร็วขึ้น

เราจะแนะนำปลั๊กอินใน WordPress ดีๆให้คุณเองไปดูกันเถอะ

ปลั๊กอินเพิ่มความเร็ว ที่ดีที่สุดในปัจจุบัน

มี ปลั๊กอินเพิ่มความเร็ว ให้เลือกมากมายบางอันก็ฟรีบางอันก็มีค่าใช้จ่ายในการเข้าใช้งาน ซึ่งบางส่วนก็เปิดใช้งานอย่างอิสระขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการ WordPress

1.WP Rocket

WP Rocket

WP Rocket เป็นปลั๊กอินเพิ่มความเร็วของ WordPress ที่มีฟีเจอร์ที่น่าสนใจ ใช้งานง่าย ผู้ใช้เริ่มใช้งานใหม่ๆไม่รู้จะไปใช้ปลั๊กอินตัวไหน WP ROCKET อาจจะตอบโจทย์มากที่สุดก็ได้

อะไรที่ถึงทำให้ใช้งานง่าย? WP ROCKET มีการตั้งค่ามาให้เข้ากับหน้าเว็บไซต์ของคุณให้พร้อมสามารถใช้งานได้เลยเมื่อทำการเปิดใช้งานปลั๊กอิน คุณอาจจะไม่ต้องเข้าใจถึงหลักการของ Cache ก็ใช้เริ่มต้นใช้งานได้

เข้าใจขั้นตอนเป็นอย่างดี? ปลั๊กอินตัวนี้ใช้ได้ทั้งมือใหม่และเหล่ามืออาชีพ นอกจากนี้ยังมีการตั้งค่าอื่นๆที่คุณสามารถเปิดใช้งานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเว็บไซต์ให้เร็วยิ่งขึ้นอีกด้วย

2.WP Super Cache

WP Super Cache

WP Super Cache สร้างขึ้นโดย Automattic เป็นบริษัทที่อยู่เบื้องหลัง WordPress.com, WooCommerce, Gravatar และอีกมากมาย

เป็นปลั๊กอินฟรีใช้งานได้ง่ายใน " Simple Mode " มีฟีเจอร์ที่จำเป็นครบของการ Cache และจะเพิ่มความเร็วให้บนหน้าเว็บไซต์ของคุณโดยการให้บริการหน้าเว็บไซต์ในรูปแบบ Cache ให้กับผู้ใช้งาน

3.W3 Total Cache

WP Total Cache

W3 Total Cache เป็นปลั๊กอินยอดนิยมที่มีการติดตั้งมากกว่า 1 ล้านครั้งและมีการรีวิวระดับ 5 ดาว จำนวนมากกว่า 3,500 รายการ W3 Total Cache สามารถทำการปรับปรุงประสิทธิภาพของหน้าเว็บไซต์ได้มากถึง 10 เท่า ถ้ากำหนดค่าของปลั๊กอินอย่างสมบูรณ์

อย่างไรก็ตามแต่ การกำหนดค่าแบบ Full นั้นค่อนข้างยากถ้าหากเป็นมือใหม่ ขอแนะนำให้คุณเลือกใช้ตามลิสต์ที่มีให้ใช้จะดีกว่า

4.SG Optimizer

SG Optimizer

SiteGround เป็นผู้ให้บริการ Hosting ที่มีปลั๊กอิน Cache กับ WordPress เราเรียกว่า SG Optimizer

SG Optimizer เป็นปลั๊กอินเฉพาะสำหรับ WordPress ที่ Hosting ด้วย SiteGround เป็นปลั๊กอิน Cache แต่ทำได้มากกว่าที่คุณเพราะสามารถช่วยบีบอัดรูปภาพ รวมไฟล์ ลดขนาด HTML, CSS, JS และอื่นๆอีก

ปลั๊กอินนี้สามารถใช้งานได้ทั้งมือใหม่และมืออาชีพ

หากคุณกำลังโฮสต์กับ SiteGround หรือซื้อโฮสต์สำหรับไซต์ WordPress ของคุณ เราขอแนะนำ SG Optimizer!

5.WP Engine

WP Engine

WP Engine เป็น Host ของ WordPress หากคุณกำลังต้องการเลือก Host เว็บไซต์ WordPress ด้วย WP Engine คุณจะมี Cache ในตัวเลย

ต้องการเครียร์ Cache ? ก็สามารถทำได้จาก DashBoard ของ WordPress ได้เลย

เซิร์ฟเวอร์ของเรานั้นใช้ Caching ที่เป็นค่าเริ่มต้น ซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ WP Engine เป็น Host เว็บไซต์ WordPress ที่เร็วที่สุดนั้นเอง

6.BlueHost

Bluehost

Bluehost เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีของ Hosting ทำได้ง่ายๆด้วย Bluehost เพียงเปิดหน้าเว็บไซต์ของคุณ เลือกแท็บ Performance แล้วเลือก " Normal Caching " 

นี้คือสิ่งที่คุณต้องทำเพื่อให้แน่ใจว่าทำการ Caching บนเว็บไซต์ของคุณด้วย Bluehost แล้ว

ถ้าหากคุณต้องการคอนโทรลการ Caching มากขึ้น คุณสามารถปิดการใช้งาน Bluehost หรือ Host ใดก็ได้ที่คุณเลือก และติดตั้งปลั๊กอินอื่นๆเพื่อใช้งานแทนได้

ก็จบไปเพียงเท่านี้ หวังว่าคุณคงจะได้มีตัวเลือก ปลั๊กอินเพิ่มความเร็ว ที่ดีจากการนำเสนอของเรา การทำให้เว็บไซต์สามารถตอบโจทย์ให้กับผู้ใช้งานนั้นเป็นเรื่องสำคัญมากๆ อย่าได้มองข้ามจุดนี้ไปเด็ดขาด

ขอบคุณบทความคุณภาพจาก MonsterInSights ถ้าหากสนใจเทคนิคหรือความรู้อื่นๆสามารถติดตามพวกเราได้ที่หน้าเว็บไซต์